แอนิเทค ปรับแผนหนีกระแสตลาดสินค้าจีนทะลัก จับกระแส Kidult  ทุ่มงบ 10 ล้าน คอลแลปส์ “ซานริโอ” เจาะกลุ่มลูกค้าไทยและต่างชาติ

270

การเปิดตัวของแพลตฟอร์มออนไลน์ยักษ์ใหญ่จากจีนเมื่อไม่นานมานี้ สร้างความสั่นสะเทือนให้กับสินค้าไทยอีกครั้ง ตอกย้ำผลกระทบสินค้าไทยหลายรายการที่มีต้นทุนสูงกว่า แข่งขันกับสินค้าจีนที่หลั่งไหลเข้ามาได้ยาก 

แอนิเทค ถือเป็นอีกหนึ่งผู้ประกอบการไทยที่ได้รับผลกระทบจากสินค้าจีนไม่น้อย ธุรกิจอุปกรณ์ไอทีถือเป็นสินค้ากลุ่มแรกๆ ที่โดนกระทบจากสินค้าจากจีน  จากบริษัทที่เคยมีรายได้จากการรับจ้างผลิตสินค้าไอที OEM  ต้องหันมาสร้างแบรนด์ของตนเอง สร้างมาตรฐานสินค้าให้เหนือกว่า และนำเทรนด์การตลาดมาขับเคลื่อนเพื่อสร้างควาแตกต่างที่โดดเด่นกว่า

โธมัส-พิชเยนทร์ หงษ์ภักดี

โธมัส-พิชเยนทร์ หงษ์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป จำกัด  กล่าวว่า กระแสการเข้ามาของสินค้าจากต่างประเทศสู่ตลาดเมืองไทยเข้ามาชิงตลาดจากสินค้าไทยเริ่มมีมากขึ้น  ทำให้ธุรกิจการรับจ้างผลิตสินค้า หรือ OEM เริ่มหดตัวลง ซึ่งสมาร์ท ไอดี กรุ๊ป เองก็มีเคยมีธุรกิจรับจ้างผลิตเป็นฐานรายได้สำคัญในอดีต แต่ปัจจุบันได้ลดเหลือเป็น 5% ของรายได้รวม และหันมามุ่งการสร้างแบรนด์ แอนิเทค จนกลายเป็นผู้นำในตลาดคอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์

ล่าสุด สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป ได้ต่อยอดความแข็งแกร่งของแบรนด์ ด้วยการเปิดตัวแคมเปญ “anitech Sanrio ART N’JOY COLLABORATION” ที่ โธมัส-พิชเยนทร์ ถือว่าเป็นก้าวสำคัญของแอนิเทคในการเจาะกระแสและต่อยอดความนิยมอาร์ตทอยที่กำลังเป็นกระแสไปทั่วโลก

โธมัส-พิชเยนทร์ กล่าวว่า ตลาดอาร์ตทอย ที่กำลังได้รับความสนใจจากคนไทยอย่างสูงในเวลานี้ มีมูลค่าทั่วโลกสูงถึง 8,517.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ  และตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดอยู่ในทวีปเอเชีย เป็นมูลค่ากว่าครึ่ง  โดยตลาดในประเทศไทยที่มีศักภาพในการเติบโตอย่างรวดเร็ว กลุ่มผู้ซื้อมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด และมีพฤติกรรมการซื้อแบบสะสมให้ครบทุกเซต แตกต่างจากผู้ซื้อประเทศอื่นๆ ที่ซื้อเพื่อความสนุกสนาน

“กระแสความนิยมของวงการอาร์ตทอยสามารถสะท้อนถึงการเติบโตของที่จะมารองรับความสนใจจากกลุ่มคนรุ่นใหม่และผู้ใหญ่ หรือ Kidult ( Kid + Adult) ที่หลงใหลในการสะสมอาร์ตทอย ความนิยมนี้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแค่ในกลุ่มคนรักของเล่นเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงกลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์และการตกแต่งบ้าน  เห็นได้จากความสำเร็จของแคมเปญ anitech x PEANUTS คอลเลกชัน Snoopy ที่เปิดตัวไปก่อนหน้า ส่งผลให้ภาพรวมของบริษัทในครึ่งปีแรกเติบโตขึ้น โดยกลุ่มสินค้า own brand เติบโตขึ้น 20% ทดแทนสินค้าที่เป็นการรับจ้างผลิตที่มีรายได้ลดลง ขณะที่ช่องทางออนไลน์เติบโตขึ้นมากถึง 1,000% และยังคงมีแนวโน้มโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง แอนิเทค จึงเดินหน้าต่อยอดกลยุทธ์ Character Marketing ครองใจผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ซึ่งเราใช้เวลาในการคัดเลือกตัวการ์ตูนระดับตำนานของ Sanrio ที่มีมากกว่า 400 คาแรกเตอร์ มาเป็นเวลากว่า 2 ปี จึงออกมาเป็น Kuromi และ Bad Badtz-Maru ที่ยังคงมีความทันสมัยอยู่ตลอดเวลา สามารถตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่เป็นแฟนคลับได้ทุกเพศและทุกช่วงวัย ตั้งแต่วัยเด็กไปจนถึงผู้ใหญ่ที่อายุมากถึง 70 ปี” 

โดยผลิตภัณฑ์ของแอนิเทคจะผสานระหว่างความสนุกและฟังก์ชันการใช้งานไว้อย่างลงตัว ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์สูงกลายเป็นที่ต้องการอย่างมาก ด้วยความเป็นที่ชื่นชอบของ Sanrio Characters  ที่มีความหลากหลายและมีความน่ารักเฉพาะตัว การร่วมมือระหว่าง แอนิเทค กับ Sanrio ในการนำตัวละคร Kuromi และ Bad Badtz-Maru มาสร้างสรรค์เป็นคอลเลกชันใหม่ นอกจากจะตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแล้ว ยังเป็นการนำเสนอสินค้าที่โดดเด่นและเข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการสิ่งที่ ไม่ซ้ำใคร โดยมุ่งหวังการชูจุดขายทั้ง Function และ Emotion ที่จะเติบโตไปยังตลาดต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว 

โธมัส-พิชเยนทร์  กล่าวต่อว่า ด้วยการผสมผสานสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Kuromi และ Bad Badtz-Maru ลงในผลิตภัณฑ์ของเรา  ไม่เพียงตอบสนองความต้องการของลูกค้าในประเทศ แต่ยังสอดคล้องกับเทรนด์ระดับโลกที่เข้าถึงผู้บริโภคในวงกว้าง คอลเลกชัน Kuromi และ Bad Badtz-Maru สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของแอนิเทคในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีทั้งคุณภาพ นวัตกรรม ดีไซน์ และฟังก์ชันการใช้งานที่ลงตัว เหมาะสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการความสวยงามพร้อมกับการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มสีสันให้กับบ้าน  จึงมีแผนในการเจาะไปยังตลาดอาเซียน โดยเฉพาะกัมพูชา ลาว และเมียนมา ที่แอนิเทคทำตลาดอยู่แล้ว  เพื่อสนองนโยบายภาครัฐในการผลักดันให้สินค้าไทยเป็นที่รู้จักและยอมรับจากทั่วโลกอีกด้วย ถือเป็นการลดงบประมาณในการสร้างแบรนด์ ผ่านการโปรโมทแอนิเทคไปยังตลาดต่างประเทศ ด้วยการใช้แบรนด์ระดับโลกอย่าง Sanrio เพื่อเข้าถึงแฟนคลับในทุกช่วงวัยของแต่ละประเทศ

โธมัส-พิชเยนทร์ วางเป้ายอดขายตลอดแคมเปญนี้ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนยอดขายโดยรวมที่ตั้งเป้าไว้ 300 ล้านบาท แทนที่ตลาด OEM ที่หายไป

สำหรับสินค้าคอลเลกชั่น anitech Sanrio ART N’JOY COLLABORATION” แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลักได้แก่ Computer Accessories, Home Devices และ Home Appliances ประกอบไปด้วย รางปลั๊กไฟ, เมาส์ไวเลสไร้สาย 2.4 G และเมาส์ชนิดมีสายที่สัมผัสเบาสบายมือ, แผ่นรองเมาส์ สัมผัสพื้นผิวการใช้ที่ลื่นไหลมาพร้อมกับยางกันลื่น, ชุดคีย์บอร์ด และ เมาส์ แบบไร้สาย, กระทะไฟฟ้าอเนกประสงค์, หม้อต้มน้ำอเนกประสงค์ และ กาต้มน้ำไฟฟ้า พร้อมให้ทุกคนสัมผัสประสบการณ์สุดน่ารักกับคอลเลกชั่นพิเศษแล้ววันนี้ ผ่านช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ ในห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วประเทศ รวมถึงทาง official store ของแอนิเทค