บทบาทของจีนในเวทีการค้าโลกวันนี้ ได้กลายเป็นประเทศผู้นำมหาอำนาจด้านเศรษฐกิจตัวจริงของโลกแทนสหรัฐอเมริกา เพราะวันนี้ไม่เพียงแต่จำนวนประชากร 1,400 ล้านคน จะเป็นตลาดสำคัญของแบรนด์สินค้าต่างๆ เข้าไปขอส่วนแบ่งตลาด แต่กลุ่มนักลงทุนชาวจีนที่หอบเงินหยวนออกไปลงทุนในประเทศต่างๆ ทั่วโลก แม้ในประเทศห่างไกลในทวีปแอฟริกา ก็เป็นโอกาสที่หลายๆ ประเทศทั่วโลกมองหา
ในประเทศไทย เงินหยวนของจีนที่หลั่งไหลเข้ามา ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือภาคการท่องเที่ยว ที่แต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวชาวจีนบินเข้ามาราว 9-10 ล้านคน ทำรายได้ให้กับประเทศไทยปีละกว่า 5 แสนล้านบาท
แต่วันนี้คนจีนที่เดินทางมาประเทศไทย ไม่ได้คิดเพียงแค่เข้ามาท่องเที่ยว แต่ยังมองหาที่อยู่อาศัยที่จะใช้เพื่อการใช้ชีวิตในประเทศไทย และเพื่อการลงทุน ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยหลายราย อาทิ แสนสิริ และเอพี ฯลฯ มีการแบ่งพื้นที่เพื่อเสนอขายให้กับผู้สนใจในต่างประเทศ โดยตลาดสำคัญที่สุดคือ ประเทศจีน
ความสนใจในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทยของชาวจีนที่มีมากขึ้น ทำให้กลุ่มอดีตสตาร์ทอัพ ชาวไทย ที่เข้าไปใช้ชีวิต ศึกษาเล่าเรียนอยู่ในประเทศจีน และเริ่มจากการทำสื่อท่องเที่ยวเมืองไทยเป็นภาษาจีน ก่อนขยายออกมาทำธุรกิจท่องเที่ยวเมืองไทยครบวงจรทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ มองเห็นช่องทางในการขยายธุรกิจเจาะกลุ่มตลาดชาวจีนที่สนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทย โดยการเปิดเว็บไซต์ให้บริการข้อมูลด้านอสังหาริมทรัพย์ไทยในรูปแบบภาษาจีน ในชื่อ “ทีเอส – ฝาง (www.ts-fang.com)”
ณัฐพงศ์ เลิศวุฒิรักษ์ ผู้ก่อตั้ง กลุ่ม บริษัท ท่องไทย จำกัด เผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยเป็นเป้าหมายสำคัญในการของนักลงทุนจากประเทศจีน และกลายเป็นศูนย์กลางของประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยสิ้นเชิง โดยภาพที่สะท้อนได้ชัดเจนคือการกว้านซื้อจากกลุ่มลูกค้านักลงทุนชาวจีนที่มีเทรนด์การลงทุนในคอนโดมิเนียมอย่างล้นหลาม
“เทรนด์ความสนใจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ไทย ของชาวจีน เราเห็นได้จาก 50% ของรายได้ในสื่อของท่องไทย มาจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทย อาทิ อนันดาฯ , เอพี, อารียา ฯลฯ โดยชาวจีนให้ความสนใจลงทุนในกลุ่มอาคารชุดหรือคอนโด เนื่องจากมีราคาถูก ลงทุนน้อย เงินดาวน์ต่ำโดยก้อนแรกค่อนข้างต่ำมากต่างกับที่ประเทศจีนที่ต้องดาวน์ถึง 50-60% อีกทั้งการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยยังได้กรรมสิทธิ์การถือครองแบบฟรีโฮล (Freehold) อีกด้วย”
โดยความสนใจลงทุนซื้อคอนโดมิเนียม หรืออาคารชุดของคนจีน เป็นพื้นที่ ย่านรัชดา,พระราม9, สุขุมวิท, สีลม และ สาทร ราคาต่อห้องที่ชาวจีนนิยมซื้อมากที่สุดเฉลี่ยอยู่ที่ ไม่เกินห้องละ 5 ล้านบาท แต่มีแนวโน้มที่น่าสนใจ คือตลาดจีนมีการตอบรับต่อราคาคอนโดที่สูงขึ้นโดยตลอด รวมไปถึงการซื้อขายคอนโดมิเนียมในระดับ Hi-end มีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งการสำรวจความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ของคนจีนพบว่า 60% ของผู้ตอบแบบสำรวจต้องการลงทุนซื้อในราคา 3 ล้านหยวน หรือ 15 ล้านบาท จึงเป็นโอกาสของกลุ่มโครงการระดับ Hi-end หากสามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนจีนได้
ด้านเธียรศักดิ์ ธรรมเจริญกิจ ผู้ร่วมก่อตั้ง กลุ่ม บริษัท ท่องไทย จำกัด เผยว่า วัตถุประสงค์ของการเปิดตัวเว็บไซต์ ทีเอส – ฝาง (www.ts-fang.com) เว็บไซต์ด้านอสังหาริมทรัพย์ภาษาจีนเจ้าแรกของประเทศไทย เพื่อเป็นดิกชันเนอรี่และเป็นศูนย์กลางสำหรับนักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ทั้งคนจีนที่ทำงานอยู่ในประเทศไทยและคนจีนที่ทำงานอยู่ที่ประเทศจีน ทั้งยังเป็นฐานข้อมูลเพื่อสืบค้นข้อมูลด้านอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย โดยครอบคลุมหัวเมืองใหญ่ในประเทศไทย อาทิ กรุงเทพฯ พัทยา หัวหิน เชียงใหม่ ภูเก็ต เป็นต้น ซึ่งเป็นจังหวัดที่ชาวจีนสนใจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มากที่สุด
เธียรศักดิ์ มองว่า ตลาดเมืองจีนวันนี้ถือเป็นตลาดสำคัญของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไทย แต่วันนี้ยังไม่มีเว็บไซต์ที่ทำขึ้นมาเพื่อนักลงทุนจีนอย่างแท้จริง ส่วนใหญ่เป็นเพียงการแปลมาจากภาษาไทย อีกทั้งรูปแบบการให้บริการของทีเอส-ฝาง ได้วางแพลตฟอร์มให้เป็น O2O หรือ Online to Offline ที่มีบริการพาผู้สนใจลงทุนจากประเทศจีน เดินทางมาเยี่ยมชมโครงการที่สนใจลงทุนในเมืองไทย ถือเป็นบริการที่ตอบโจทย์การลงทุน ซึ่งเหนือกว่าเว็บไซต์ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ให้กับนักลงทุนจีนอื่นๆ
สำหรับกลุ่มเป้าหมายของผู้ใช้งานเว็บไซต์ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือเอเจนซี่ กับ พร็อพเพอร์ตี้ โอนเนอร์ (Property owner) ส่วนของยูสเซอร์ที่เข้ามาใช้งานเว็บไซต์ แบ่งเป็น 2 ประเภทดังนี้ คนจีนที่ทำงานและอาศัยอยู่ในประเทศไทย และ คนจีนที่เป็นนักลงทุนและอยู่ในประเทศจีน โดยตั้งเป้ายูสเซอร์ที่เข้าใช้งานบนเว็บไซต์ไม่ต่ำกว่า 30,000 คนต่อเดือน ซึ่งกลุ่มเป้าหมายชาวจีนนั้นจะเป็นกลุ่มเทียร์วันทั้งหมด อาทิ เมืองปักกิ่ง เมืองเซี่ยงไฮ้ เมืองกว่างโจว เกาะฮ่องกง ประเทศสิงคโปร์ และประเทศมาเลเซีย
เว็บไซต์ ทีเอส-ฝาง (www.ts-fang.com) ให้บริการแบบฟูลเซอร์วิส โดยข้อมูลด้านอสังริมทรัพย์ บ้าน, คอนโดมือหนึ่ง, บ้านมือสองและกำลังจะเพิ่มเติมในส่วนของคอนโดปล่อยเช่า จึงทำให้เว็บไซต์ต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นดิกชันเนอรี่ด้านอสังหาริมทรัพย์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับคนจีนหรือคนไทยที่สามารถใช้ภาษาจีนได้ โดยเริ่มลงทุนพัฒนาระบบมาตั้งแต่ปี 2016 จนถึงปี 2018 ด้วยงบประมาณ 30 ล้านบาท เฉลี่ยปีละประมาณ 10 ล้านบาท ปัจจุบันมีข้อมูลโครงการที่เปิดขายบนเว็บไซต์อยู่ราว 1,800 ยูนิต โดยสามารถจำหน่ายได้แล้ว 50 ยูนิต ตั้งเป้าถึงสิ้นปีจะจำหน่ายได้ 100 ยูนิต คิดเป็นรายได้ 400 ล้านบาท
แต่ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ ทีเอส-ฝาง มองว่า เป้าหมายของเว็บไซต์นี้ไม่ได้มุ่งการขายเป็นหลัก หากแต่มองที่การเก็บข้อมูลนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์จีน เพื่อเป็น Big Data ที่อนาคตจะสามารถนำมาต่อยอดทั้งการวางแผนการตลาดของบริษัทท่องไทยเอง และการสร้างรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ไทย ที่สนใจจะเจาะตลาดจีน ที่จะเป็นตลาดสำคัญของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไทยมากขึ้นเรื่อยๆ